Red Rebel 620



“พ่อครับ ที่นี่คือบ้านเกิดของเราเหรอ?”


โชแปงที่สวมเสื้อยืดและกางเกงขาสั้นของอาดิดาสกำลังวิ่งไปมาเข้าร้านนู้นร้านนี่อย่างอยากรู้อยากเห็น


ด้านหลังของเขา เซียวหยูกับเอวาปลอมตัวด้วยการแต่งตัวระดับหนึ่ง พวกเขาไม่อยากเป็นจุดเด่น แน่นอนว่ายังมีบอดี้การ์ดรอบตัวเขาคอยป้องกัน แต่เหล่าบอดี้การ์ดก็ไม่ได้แต่งตัวด้วยชุดสูทสีดำตามปกติ ไม่งั้นคงดูเด่นเกินไป


“ไม่ใช่ บ้านเกิดของพวกเราอยู่ทางใต้!” เซียวหยูกับเอวาเดินข้างกันแล้วหัวเราะกับท่าทางอยากรู้อยากเห็นของโชแปง


ที่นี่คือประเทศบ้านเกิดของเขา ดังนั้นการพูดคุยกันระหว่างพวกเขาจึงเป็นภาษาจีน ปัจจุบันโชแปงพูดได้สองภาษาคืออังกฤษและจีน


“งั้นเราจะกลับบ้านเกิดเมื่อไหร่ครับ” โชแปงหันมาถามแล้วพุ่งเข้าไปเกาะขาเซียวหยูเอาไว้


เซียวหยูก็ก้มตัวลงไปกอดโชแปง “อีกไม่กี่วัน โอเคไหม?”


“ครับ!” โชแปงตอบแล้ววิ่งทำท่าจะวิ่งออกไปอีกครั้ง


เอวาหยิบทิชชู่ออกมาซับเหงื่อจากใบหน้าที่ชุ่มเหงื่อของโชแปง “อย่าวิ่งสิ วันนี้อากาศร้อนนะ!”


แต่โชแปงก็ยังพุ่งออกไปอยู่ดี


“เด็กคนนี้ซนมากขึ้นเรื่อยๆ อนาคตคงดื้อมากแน่นอน!” เซียวหยูไม่รู้จะทำยังไง ความจริงเขาก็อยากจะดุอีกฝ่าย แต่ก็กลัวอีกฝ่ายจะเสียใจ จะตีก็กลัวอีกฝ่ายเจ็บ เขารู้สึกขัดแย้งในตัวเองมาก!


เอวากระทุ้งศอกใส่เซียวหยูเบาๆ “ต้องโทษคุณที่ตามใจเขาเกินไป!”


“คุณก็เหมือนกันไม่ใช่เหรอ?” แล้วเซียวหยูก็หัวเราะออกมา


พวกเขาทั้งคู่อายุสามสิบแล้ว แต่พวกเขาก็ยังไม่รู้ว่าจะลงโทษลูกชายตัวเองยังไง ทำได้แค่สอนให้เขารู้ว่าอะไรควรอะไรไม่ควรเท่านั้น


การได้กลับมายังประเทศตัวเอง มันทำให้เซียวหยูสัมผัสได้ถึงความรู้สึกเก่าๆ ทุกคนที่นี่พูดภาษาจีน มันทำให้เขารู้สึกว่าตัวเขาได้กลับมาเป็นตัวเขาคนเดิม การที่เขารู้สึกแบบนี้อาจเป็นเพราะเขาอยู่ต่างประเทศมานานหลายปี


เมื่อได้กลับบ้าน มันช่างรู้สึกดีเหลือเกิน!


แต่ขณะที่ทั้งสามคนกำลังเดินอยู่บนทางเท้า มันก็มีเสียงกระหึ่มของเครื่องยนต์ที่เซียวหยูรู้จักดี มันเป็นเสียงของรถซูเปอร์คาร์


แต่ที่นี่เป็นย่านที่ผู้คนพลุกพล่านนะ ใครมันมาขับรถเร็วขนาดนี้กัน


ด้วยความอยากรู้ เซียวหยูจึงหันไปทางทิศทางของเสียง และได้เห็นรถสปอร์ตสีแดงวิ่งมาจากฝั่งตรงข้ามอย่างรวดเร็ว มันเร็วมากและไม่มีทีท่าว่าจะหยุด แถมรถยังส่ายไปมาเหมือนบังคับไม่ดีนัก


แล้วพอเซียวหยูหันมาด้านหน้าเขาก็เห็นผู้หญิงคนหนึ่งกับลูกที่กำลังเดินข้ามทางม้าลายแบบไม่เห็นรถทำให้เซียวหยูรู้สึกตกใจขึ้นมาทันที


“โอ้พระเจ้า รีบไปหยุดเธอซะ!” เซียวหยูตะโกน


แล้วบอดี้การ์ดที่อยู่ไม่ไกลของเซียวหยูก็รีบวิ่งไป


แต่ว่าไม่ทันแล้ว เสียงรถดังลั่นพุ่งเข้ามา


รถสปอร์ตคันนั้นไม่มีทีท่าว่าจะหยุดเลยซักนิด มันชนเข้าใส่ผู้หญิงคนนั้นอย่างแรง เสี้ยววินาทีนั้นเธอผลักลูกชายของเธอพ้นไป แต่ตัวเธอไม่สามารถหลบได้ถูกชนอย่างแรงจนลอยสูงกว่า 5 เมตร กระเด็นไปไกลกว่า 30 เมตรจนไปนอนอยู่บนทางเท้า


เลือดสีแดงฉานกระจายไปบนพื้น เด็กที่ถูกแม่ผลักถูกบอดี้การ์ดของเซียวหยูกอดเอาไว้จึงไม่เป็นอะไร แต่แม่ของเขานอนแน่นิ่งบนพื้นไม่เคลื่อนไหว ดูแล้วน่าจะเสียชีวิตทันที!


อุบัติเหตุครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นกระทันหันตรงหน้าทำให้ทุกคนไม่ทันตั้งตัว โดยเฉพาะกับเซียวหยู เอวาและโชแปง ตอนนี้เอวากำลังกอดโชแปงไว้แน่น


เสียงคำรามของรถสปอร์ตดังมาจากทางด้านหลังอีกครั้ง แล้วก็มีรถสปอร์ตสีดำอีกคันหนึ่งขับมาจอดใกล้กับรถคันสีแดง


ชายจากรถสปอร์ตสีดำที่ลงมาท่าทางเหมือนจะเป็นคนรวย ชายจากรถสปอร์ตสีแดงก็ไม่ต่างกัน แต่ท่าทางของเขาดูหวาดกลัวเล็กน้อย เขาไปถามชายจากรถคันสีดำ “ฉันจะทำยังไงดี ฉันฆ่าคนไปแล้ว ฉันทำยังไงดี?”


ชายจากรถคันสีดำค่อนข้างสงบ เขามองไปรอบๆ ก่อนจะพูดกับเพื่อนเขาว่า “นายไปก่อน เดี๋ยวฉันจะให้คนมาจัดการให้!”


หลังจากพูดจบ เขาก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาโทร แล้วคนขับรถคันสีแดงก็เตรียมตัวจะหนี


“หยุดเขาไว้!” เซียวหยูโมโหนิดหน่อย ไอ้คนพวกนี้ทำร้ายคนจนเสียชีวิต แต่ไม่คิดจะรับผิดชอบเลยด้วยซ้ำ!


เมื่อก่อนเขาอาจจะเป็นคนธรรมดาที่ได้แต่เมินเฉยเมื่อเจอเรื่องแบบนี้ อย่างมากก็แค่ไปพิมพ์ด่าในเน็ต แต่ตอนนี้เขามีอำนาจมากพอแล้ว และเขาจะไม่ยอมให้คนกระทำผิดหลบหนีแน่


บอดี้การ์ดชาวต่างชาติสามคนพุ่งตัวเข้าไปล้อมรถสปอร์ตคันสีแดง พร้อมกับตะโกนว่า “หยุดเขา อย่าปล่อยให้เขาหนีไป!”


“เฮ้ย คิดจะทำอะไรวะ!” ชายเศรษฐีจากรถคันสีดำโมโห เขาก้าวเข้าไปดึงบอดี้การ์ดของเซียวหยูและเหล่าพลเมืองดีที่กำลังล้อมรอบออกไป แต่เขาก็พบว่าคนเหล่านั้นไม่สะทกสะท้านเลย

“พวกแกรู้ไหมว่าฉันเป็นใคร” เศรษฐีคนนั้นชี้ไปทั่วอย่างเย่อหยิ่ง “ฉันอู๋เหลียงชิน พ่อของฉันคืออู๋ฉี!”


เหล่าพลเมืองดีที่ตอนแรกเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง พอได้ยินชื่อของอู๋ฉี แม้แต่ชายหนุ่มที่ตะโกนให้ไปหยุดเขาเอาไว้ก็ถึงกับไม่กล้าเคลื่อนไหวต่อ


“เฮอะ กลัวใช่ไหมล่ะ?” เศรษฐีคนนั้นหัวเราะเยาะอย่างภาคภูมิใจ “งั้นก็ออกไป อย่าขวางทาง!”


พอเขาพูดจบ เขาก็เห็นชายคนหนึ่งเดินเข้ามาถีบไปยังรถสปอร์ตคันสีแดง


“ฉันไม่สนใจว่านายเป็นลูกของใครหรือพ่อของนายจะเป็นใคร ถ้าเกิดนายฆ่าใครสักคนทั้งที่เมาก็ต้องรอให้ตำรวจมาจัดการ!” เซียวหยูก้าวเท้าเข้ามาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา เขาไม่เกรงกลัวเลยซักนิด


ไม่ไกลจากพวกเขา เด็กคนที่ได้รับความช่วยเหลือจากแม่ของตัวเองวิ่งไปหาแม่ที่นอนจมกองเลือด เขาเขย่าตัวแม่ของเขาพร้อมร้องไห้ออกมาไม่หยุดพยายามปลุกให้เธอตื่น หลายคนที่เห็นฉากนี้ถึงกับน้ำตาซึม เอวา สโนว์ก็น้ำตาไหลเช่นกัน


ตอนเซียวหยูเห็นฉากที่น่าสงสารนี้ เขาก็โมโหมากซะจนอยากจะวิ่งไปต่อยไอ้ลูกคนรวยสองคนนี้ แต่สุดท้ายก็ห้ามตัวเองเอาไว้ อย่างน้อยเขาก็ถีบระบายอารมณ์ออกไปแล้ว


ไม่นานนักตำรวจจราจรก็มาถึงที่เกิดเหตุ พร้อมกับพาตัวชายจากรถคันสีแดงและชายที่ชื่ออู๋เหลียงชินไป แต่พอตำรวจจราจรต้องการหาพยานซักสองสามคนไปที่สถานีตำรวจเพื่อสอบถาม มันกลับไม่มีใครกล้าตามไปด้วยเลย


“อย่าไปนะ อู๋ฉีเป็นหนึ่งในผู้นำของรัฐบาลกลาง และอู๋เหลียงชินก็เป็นลูกชายของเขา ถ้าเกิดตามไปล่ะก็…” ชายชาวจีนที่เห็นว่าเซียวหยูกับพวกที่เหมือนชาวต่างชาติทำท่าจะตามไปก็รีบเข้ามาเตือนอย่างหวังดิ


“กลัวทำไม เพราะมัวแต่กลัว ไอ้พวกคนแบบนี้ก็เลยกล้าทำอะไรตามใจชอย คุณอาจจะกลัว แต่ผมไม่กลัว!” หลังจากนั้นเซียวหยูก็ยกมือขึ้นพร้อมบอกว่าเขาเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดและสามารถไปที่สถานีเพื่อเป็นพยานให้ได้


*************************************


แฟ้มหนักๆถูกวางลงต่อหน้าของเซียวหยูอย่างแรง แล้วตำรวจจราจรหนุ่มก็นั่งลงตรงข้ามเขา ดูจากยศที่ติดบนไหล่เขาแล้วมันไม่สูงนัก แต่ถ้าดูจากสีหน้าท่าทางการวางกล้าม มันราวกับตำรวจยศสูงมาเอง

“ชื่ออะไร อยู่ที่ไหน มาทำอะไร” เขาถามคำถามสามข้อด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้าง


“เซียวหยู ชาวจีนจากอังกฤษมาเที่ยว!” เซียวหยูก็ตอบเสียงเย็น


เจ้าหน้าที่ตำรวจค่อนข้างแปลกใจ เขาไม่คิดว่าเซียวหยูจะเป็นคนจีนที่เดินทางมาจากต่างประเทศ นี่มันเกินความคาดหมายของเขา แต่ก็ไม่ได้แปลกใจเท่าไหร่ หากเป็นคนที่นี่จริงคงไม่กล้าตามมาถึงที่นี่


“ถอดแว่นกันแดดออกซะ กลัวใครจำได้รึไง หรือเป็นโจรเลยกลัวใครจำได้?”

เซียวหยูแค่นยิ้มออกมา ชาติที่แล้วเขาไม่ค่อยได้ติดต่อกับพวกเจ้าหน้าที่ของรัฐ แต่เขาก็เคยได้ยินมาว่ามันยากมากที่จะพูดคุยกับพวกเขา ตอนนี้เขารู้ซึ้งด้วยตัวเองแล้ว ขนาดเจ้าหน้าที่ตำรวจตัวเล็กๆยังเบ่งซะยิ่งกว่าเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์


เซียวหยูถอดแว่นกันแดดออก ความจริงเขาก็คิดว่าอีกฝ่ายจะจำเขาได้ แต่ใครจะรู้ว่าชายตรงหน้าเป็นคนที่ไม่เล่นเน็ต ไม่อ่านหนังสือพิมพ์ แถมแทบจะไม่ดูทีวี จนทำให้เขาจำเซียวหยูไม่ได้


อันที่จริงนี่ก็ไม่ใช่เรื่องที่แปลก เซียวหยูอาจจะมีชื่อเสียงในอเมริกาหรืออังกฤษ แต่ในประเทศจีนนั้นมีคนจำนวนมากที่ไม่รู้จักหน้าตาแต่รู้จักแค่ชื่อของเขา อันที่จริงนอกจากกลุ่มแฟนคลับของเขาแล้วก็มีน้อยคนนักที่จะจำเขาได้


หลังจากที่เซียวหยูเล่าเหตุการณ์ที่เขาได้เห็นอย่างละเอียด เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ยืนขึ้นแล้วส่งสัญญาณให้เซียวหยูไปได้


“แค่นี้?” เซียวหยูทำหน้าไม่อยากจะเชื่อ เขาไม่เคยพบเคยเจออะไรแบบนี้มาก่อน


“ใช่ ไปได้แล้ว!” และเหมือนเขาจะเห็นเซียวหยูให้ความร่วมมือดีจึงเอ่ยเตือนอย่างใจดีว่า “ในเมื่อนายมาที่นี่เพื่อเที่ยว งั้นก็พูดให้น้อยลงแล้วดูให้มากขึ้นเถอะ!”


เซียวหยูชะงักแล้วยิ้มอย่างขมขื่น


พอเขาเดินออกจากห้องสอบสวน เขาก็พบว่าเอวากับโชแปงและเหล่าบอดี้การ์ดของเขากำลังรออยู่ในห้องโถง เมื่อพวกเขาเห็นเซียวหยูเดินออกมาก็เข้ามาทักเขาทันที


พร้อมกันนั้นเอง มีคนกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามาในห้องโถง พอเจ้าหน้าที่ตำรวจที่พึ่งสอบสวนเซียวหยูเห็นก็รีบลุกขึ้นยืนแล้วทักทายชายวัยกลางคนทั้งสองที่เข้ามาด้วยความเคารพ “สวัสดีครับท่านอู๋! ท่านหลี่!”


“เขาบอกว่าเห็นลูกชายฉันขับรถชนคนตายเหรอ?” ชายวัยกลางคนร่างอ้วนคนหนึ่งชี้ไปที่เซียวหยูทันทีที่เข้ามา น้ำเสียงการพูดของเขาช่างเย่อหยิ่งราวกับว่าเซียวหยูเป็นแค่ลูกไก่ในกำมือ


“เอ่อ...” เจ้าหน้าที่ตำรวจคนนั้นลังเลและพยักหน้า “ครับท่านหลี่ แต่ผมไม่ได้บันทึกคำสารภาพของเขาเอาไว้ครับเพราะผมคิดว่าเขาไม่ได้เห็นเหตุการณ์อย่างละเอียด สุดท้ายเมื่อไม่มีหลักฐานผมก็เลยปล่อยเขาไป!”


แต่ชายที่ถูกเรียกว่าท่านหลี่กลับพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ปล่อยเขาไปงั้นเหรอ สิ่งที่นายควรทำอาจเป็นการเขียนว่าเขาทะเลาะกับผู้เสียชีวิตแล้วผลักเธอเข้ามาในถนน ไม่งั้นลูกชายของฉันที่ขับรถด้วยความเร็วตามกฏหมายจะชนคนได้ไงถ้าไม่ใช่เพราะจู่ๆมีคนพุ่งออกมาบนถนนเอง?”


พอตำรวจคนนั้นฟังจบก็เข้าใจทันทีว่าอีกฝ่ายต้องการหาแพะให้กับลูกชาย


ที่นี่ไม่มีใครอยู่ในที่เกิดเหตุตอนนั้น การที่เขาพูดมาแบบนี้มันก็เท่ากับว่าเขาโยนทุกอย่างให้เซียวหยู


“ไอ้สารเลว แกถึงกล้าพูดแบบนั้นออกมาได้ยังไง สามีของฉันเห็นลูกชายของแกขับรถชนคนเลยมาเป็นพยานด้วยตัวเอง” เอวา สโนว์ที่รักสามีของเธอมากด่าออกมาทันที แม้ปกติเธอจะไม่ค่อยกล้าพูดจีนหรือพูดช้ามากเพราะต้องคอยคิดคำให้ถูกต้องก็ตาม


ตอนนี้เธอกำลังโมโหและไม่สนใจ มันทำให้ทุกคนได้เห็นว่าชายที่ดูไม่เหมิอนคนจีนในพื้นที่คนนี้มีภรรยาที่สวยและดูไม่เหมือนคนจีนเช่นกัน ดูจากรูปลักษณ์แล้วเธอเหมือนลูกครึ่ง!


ชายที่ถูกเรียกว่าท่านหลี่แสดงความหื่นกามออกมาทางแววตาทันที แม้ว่าเอวา สโนว์จะปลอมตัวอยู่จนปกปิดรูปร่างและใบหน้าส่วนใหญ่ของเธอไป แต่สไตล์การแต่งตัวของเธอก็ทันสมัย แถมเธอยังสูงและดูหุ่นดี


“ทำไมจะพูดไม่ได้?” ท่านหลี่คนนั้นเยาะเย้ย “ก็มันเป็นหลักฐาน!”


หลังจากพูดเสร็จเขาก็มองไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจ “ผมคิดว่าชายคนนี้น่าสงสัยมาก คุณควรจะกักตัวเขาเอาไว้เพื่อสืบสวน ว่าไง?”


เจ้าหน้าที่ตำรวจลังเล แต่ชายที่ถูกเรียกว่าท่านอู๋ก็โบกมือบังคับทันที “ทำตามที่ท่านหลี่บอก!”


“แต่…” เจ้าหน้าที่ตำรวจคนนั้นยังลังเล แล้วทันใดนั้นเองเขาก็นึกถึงตัวตนของเซียวหยูขึ้นมาได้ “แต่เขาเป็นชาวจีนเชื้อสายอังกฤษที่มาเที่ยวนะครับ!”


“อะไรนะ?” ทั้งสองคนรู้สึกประหลาดใจนิดหน่อยแล้วเลิกคิ้วขึ้นมา เขาเป็นชาวจีนที่ไปตั้งรกรากที่ต่างประเทศ? แบบนี้นี่เอง ไม่แปลกใจเลยที่เขาจะมีภรรยาสวยขนาดนี้!


ทั้งสองคนหันมองกันอย่างลังเล แต่สุดท้ายชายร่างอ้วนที่สกุลหลี่ก็กัดฟันและตัดสินใจ


“แกแน่ใจเหรอ?” เซียวหยูที่เงียบมานานก็หัวเราะและถาม


จากรอยยิ้มและเสียงหัวเรนาะของเซียวหยู มันทำให้ทั้งสองคนหันไปมองเซียวหยูแล้วพบว่าเซียวหยูดูนิ่งอย่างไม่น่าเชื่อ ท่าทางแบบนี้หรืออีกฝ่ายจะมีคนหนุนหลัง?


โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับชายสกุลหลี่ที่กำลังกังวลเรื่องลูกชาย แต่หลังจากคิดตัดสินใจ สุดท้ายเขาก็เลือกจะหาแพะมาให้ลูกชายของตัวเองก่อน


“แน่นอน เรามีหลักฐานเพียงพอที่จะพิสูจน์ว่านายทำผิด จับเขาซะ!” ชายที่ถูกเรียกว่าท่านหลี่กัดฟันพูด


เซียวหยูพยักหน้าแล้วหันไปถามเจ้าหน้าที่ตำรวจที่อยู่ข้างเขาว่า “ผมอยู่ต่อก็ได้ แต่ขอโทรศัพท์หน่อยได้ไหม”


เจ้าหน้าที่ตำรวจคนนั้นไม่เคยเห็นใครนิ่งได้ในสถานการณ์แบบนี้มาก่อน เขารู้สึกไม่เข้าใจแต่ก็ยังพยักหน้า


เซียวหยูโบกมือไปทางบอดี้การ์ดที่อยู่ไม่ไกล เวลานี้เองที่ทุกคนพบว่าบอดี้การ์ดของเซียวหยูล้วนเป็นชาวต่างชาติที่ดูสูงใหญ่ทั้งนั้น


ชายคนนี้มีที่มาที่ไปยังไง?

ขณะที่ทุกคนกำลังสงสัย เซียวหยูก็หยิบโทรศัพท์มือถือมาจากบอดี้การ์ด กดหมายเลขแล้วยิ้ม “ตอนนี้ผมอยู่ที่สถานีตำรวจจราจร XX แล้วก็กำลังเจอปัญหา!” จากนั้นเขาก็วางสายไป



ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

67

66

64